คืบหน้า 6 ข้อหาของ "บิ๊กโจ๊ก"
จากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๖/๒๕๖๒เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคมพุทธศักราช ๒๕๕๘ นั้น
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑ และข้อ ๕ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๖/๑๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก่ไขปัญหาเจ้าหน้าทีของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นสมควรประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ตามความในข้อ ๕ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘
ข้อ ๒ ให้ข้าราชการตำรวจตามข้อ ๑ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรีกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ตามข้อ ๑ วรรคหนึ่งของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๕๕๘ข้อ ๓ ให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ข้อ ๔ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ย้ายบิ๊กโจ๊ก พ้นจากตำรวจเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกฯ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ลงนามในคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 2/2562 โอนพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขาดจากตำแหน่งเดิม
ให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)ปรากฏว่าในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.45 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ารายงานตัวและรับทราบภารกิจหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาเข้าพบเพียง 10 นาที ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เดินทางมาโดยแต่งกายในชุดธรรมดา ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ และมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บิ๊กโจ๊ก รุดเข้าทำเนียบฯ หลังโดน ม.44
ต่อมาเวลา 17.30 น.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้คนเป็นผู้รับการรายงานตัวจากพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เข้ามารายงานตัวกรณีช่วยราชการ โดยการรายงานตัวดังกล่าวเป็นการรายงานตัวในกรณีเข้ามาช่วยราชการ ก่อนจะมีการโปรดเกล้าฯให้มีการดำรงตำแหน่งใหม่ คือ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และจะมีการรายงานตัวในตำแหน่งดังกล่าวอีกครั้ง
เมื่อถามว่าการย้ายพล.ต.ท.สุรเชษฐ์มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษฯ ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558 จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบคงต้องไปถามทางตำรวจ เพราะคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558 มีหลายลักษณะทั้งมาเพื่อจะสอบสวน สอบสวนแล้วไม่ผิด มาแล้วไม่สอบสวน และสอบสวนแล้วถึงมา และกรณีนี้ตนก็ไม่ทราบว่าจะมีการสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้ ต้นเรื่องของการย้ายมาครั้งนี้ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บิ๊กแป๊ะเลื่อนไม่มีกำหนด นัดถกว่าที่ผบช.สตม.แทนบิ๊กโจ๊ก
ล่าสุด Wassana Nanuam โพสต์ข้อความระบุว่า “6 ข้อหาของ “บิ๊กโจ๊ก”ไม่มีจริง พูดกันไปเอง” บิ๊กตำรวจท่านหนึ่ง กล่าว จบแล้ว!อ้าววว!
นายลัทธภพ แก้วโย